OKMD กระตุกต่อมคิด สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ - Opportunity for All
กระตุกต่อมคิด เพื่อพัฒนาความคิด เพิ่มความรู้ สร้างสรรค์ภูมิปัญญา

ทักษะ Digital Marketing + ทักษะ Tech Startup ที่เทคโนเพอร์เนอร์รุ่นใหม่ขาดไม่ได้

2466

โดย คุณจิณณ์ เผ่าประไพ Managing Director & Partner บริษัท ซีเจ เวิร์ค จากัด (CJ WORX Digital Agency) ดิจิทัล ครีเอทีฟ เอเจนซี่ ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศมากที่สุดในประเทศ และ คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ (มิหมี) ผู้ร่วมก่อตั้งและกองบรรณาธิการ thumbsup.in.th เว็บข่าวด้านธุรกิจดิจิทัลและสื่อผู้สนับสนุนด้าน Tech Startup รายแรกๆ ของไทย




คุณจิณณ์ เผ่าประไพ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Managing Director & Partner ของบริษัท ซีเจ เวิร์ค จากัด ซึ่งเป็นบริษัทดิจิทัลครีเอทีฟเอเจนซี่ ที่ประกอบด้วยทีมงานสุดยอดมือรางวัลของไทย โดยมีทีมครีเอทีฟที่ได้รับรางวัลในด้าน Digital มากที่สุดจากทั้งในและนอกประเทศ โดยในปี 2014 CJ WORX ถูกยกให้เป็น Digital Agency of The Year จากสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นเอเจนซี่ของไทยเพียงเอเจนซี่เดียวที่ผลงานในหมวด Digital ได้รับรางวัลจากเวทีระดับโลก โดยได้เข้าเป็น Shortlist ใน Cannes Lion 2014 ส่วนในเวทีระดับเอเชีย Spikes Asia 2014 ก็สามารถคว้ารางวัล Silver มาได้ และสามารถคว้ารางวัล Gold ในหมวดดิจิทัลอีกเช่นกันจากเวทีระดับยุโรปอย่าง Epica Awards 2014 ล่าสุดในปี 2015 CJ WORX ดิจิทัลเอเจนซี่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการเอเจนซี่ไทยอีกครั้ง


เมื่อเป็นเอเจนซี่ไทยเอเจนซี่แรกที่คว้ารางวัล “Asia's Independent Agency of the Year” จากงาน Spike Asia ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีบริษัทโฆษณากว่า 300 บริษัท ทั่วทวีปเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เกาหลี เป็นต้น ได้ส่งผลงานเข้ามาชิงรางวัลประกวดโฆษณา และ CJ WORX ได้รับคะแนนรวมสูงที่สุดในเอเชีย เมื่อเทียบกับ 15 ประเทศในหัวข้อ Independent  Agency


นับได้ว่าคุณจิณณ์ มีความเป็น Entrepreneur ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เพราะความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าเสี่ยง และไม่กลัวความล้มเหลว จึงทาให้ประสบความสำเร็จในทั้งการเป็นเจ้าของกิจการ และผู้นำขององค์กร อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้าน Digital Marketing มายาวนานถึง 20 ปี ด้วยประสบการณ์อันยาวนานนี้ทาให้เข้าใจทุกแง่มุมของ Digital Marketing เป็นอย่างดี และก้าวทัน Trend ที่เข้ามาใหม่เสมอ เนื่องจากมีการเรียนรู้ตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสื่อบนโลกออนไลน์บ้าง และควรทำอะไร โดยใช้สื่อประเภทไหนกับกระแสที่เกิดขึ้นนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ทำให้บริษัทดิจิทัลเอเจนซี่อย่าง CJ WORX ก้าวขึ้นเป็นดิจิทัลเอเจนซี่ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของเอเจนซี่ในประเทศไทยได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว


คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ (มิหมี) ผู้ร่วมก่อตั้ง Techsauce media (ธุรกิจสื่อผู้สนับสนุน Tech startup และผู้จัดงาน Start it Up Conference งาน Tech Startup ที่ใหญ่สุดของคนไทย) นอกจากนี้ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Thumbsup Media (ธุรกิจสื่อด้าน Digital Marketing) มีประสบการณ์ทำงานในบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่และเวนเดอร์ต่างชาติมากกว่า 10 ปี ในด้านการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับออนไลน์เอเยนซี และรับหน้าที่เป็น Marketing Director ให้กับบริษัทคอมพิวเตอร์ ผู้พัฒนาระบบการจัดการโซเชียลมีเดีย 


คุณจิณณ์  เผ่าประไพ  กล่าวว่า  ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ยุคธุรกิจ Digital นั้น  ได้ผ่านยุคไอทีมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากที่เราจะได้อยู่ในยุคของทั้ง 2 ยุค คือยุค Digital และยุคไอที  ซึ่งเป็นผลดีของการทำธุรกิจ ผู้ที่มีความคิดริเริ่มมักมองเห็นโอกาส และใช้เครื่องมือ Digital ให้กลายมาเป็นธุรกิจและแก้ไขปัญหาให้กับผู้อื่นได้  การเริ่มต้นกับการเป็นผู้ประกอบการยุคนี้   ต้องสามารถทำทุกอย่างและมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ  เพราะการทำการตลาด และโฆษณา จะต้องทำด้วย Digital ทั้งหมด 


การเริ่มทำธุรกิจยุค Digital นั้น สิ่งที่เริ่มต้น คือ เรื่องเงิน โดยที่การที่จะเปิดบริษัทจะต้องมีเงินทุนเข้ามาก่อน  โดยไม่รอให้คนอื่นเดินเข้ามาหา แต่เขาจะเดินไปหาคนอื่นเพื่อเอางานไปขายคนอื่น  สำหรับคนที่เริ่มไปแล้วน่าจะเป็นเรื่องของการทำอย่างไรที่คุณจะพัฒนาและต่อยอดธุรกิจคุณได้  เพราะบางคนมีจุดหมายและปลายทางที่จะทำบริษัทโฆษณาแตกต่างกัน  สำหรับคุณจิณณ์นั้น เรื่องคนเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมาก  และเราควรเริ่มในสิ่งที่เราถนัด  มีเครือข่าย และต่อยอดไปให้ถึงจุดนั้น


การเริ่มทำธุรกิจเราควรเริ่มจากงบประมาณที่น้อย  แนะนำให้ลง Google หรือ อาจทำเป็นงานสัมมนาฟรีที่อยู่บนออนไลน์หรืออะไรก็ได้ที่คุณสามารถแก้ปัญหาได้ด้วย  ส่วนเรื่องการ Startup ของการครองตลาดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ ให้คุณคิดและเตรียมตัวไว้ว่าคุณจะทำอย่างไรให้ธุรกิจของคุณสู้กับตลาดหรือจะทำอย่างไรให้ธุรกิจของคุณครองตลาดให้ได้ เพราะเรื่องของการครองตลาดเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ดีมาก ขาดไม่ได้ และที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจ เราต้องทำด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจต่อลูกค้า


ข้อดีของการทำธุรกิจ Digital  คือ ไม่ต้องมีการสต๊อกสินค้า ไม่ต้องมีหน้าร้าน  การโฆษณาก็ถูกกว่าเพราะนักลงทุนคาดหวังให้กลับมาใช้งานอีกอย่างต่อเนื่อง     ทางที่ดีเราจะต้องให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เราทำ คือทำแล้วต้องรู้สึกว่าสนุก มีความสุข เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้คนเข้ามาหาเราเองโดยที่เราไม่ต้องไปวิ่งตามหา  ในปัจจุบันทุกคนพยายามใช้รูปแบบธุรกิจที่คล้ายกัน คือ การบอกต่อ ทุกคนต้องเข้าใจว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงโฆษณาได้  และต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้คนทั่วไปนำไปแชร์ต่อ และทำอย่างไรให้คนทั่วไปกล่าวถึงโฆษณาสินค้าของเรา  ซึ่งโลกในปัจจุบันคนทั่วไป จะเริ่มค้นหาข้อมูลใน Google น้อยลง แต่หันมาหยิบสมาร์ทโฟน โดยเปิด Facebook  เป็นอันดับแรก ตามด้วย Youtube และลำดับสุดท้ายคือ Google


การแข่งขันในยุคดิจิทัล  เราอย่าไปแข่งกันกับผู้อื่นแต่ให้เราแข่งขันกับตัวเอง  เราควรเป็นผู้นำ แล้วให้ผู้อื่นเขาทำตามเรา คือเราจะต้องรีบทำเป็นรายแรก  เพราะถ้าเราไม่ทำเป็นคนแรก เราก็จะเป็นผู้ตามตลอดไป อะไรก็ตามที่ทำครั้งแรก จะสามารถครองใจผู้บริโภคได้  ปัจจุบันเราอยู่ในโลกเทคโนโลยี การเข้าถึงบุคคลอื่นและเรื่องราวอื่นๆ สามารถทำได้ง่ายๆ  เราต้องปรับตัวและมองอนาคตว่าจะวางแผนอย่างไร  ต้องคิดถึงการสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา  เพื่อที่จะไม่ให้แพ้คนอื่น และควรจะเตรียมตัวเพื่อรองรับกับธุรกิจอื่นที่จะเติบโตขึ้นมา   ซึ่งในตลาดของไทยจะมีการลอกเลียนแบบ และ การลดราคาอยู่เสมอ เราจึงต้องมีการวางแผนเพื่อเตรียมรับมือตลอดเวลา


สำหรับธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี แนะนำให้กลับมาที่จุดพื้นฐานการเป็น Technopreneur และบวกกับทักษะในสิ่งที่เราสนใจ โดยหน้าที่สำคัญคือ  เราเป็นนักคิด ควรคิดริเริ่ม  ต้องทำด้วยตนเอง และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค  เราต้องมองอุปสรรคเป็นบทเรียน  กล้าที่จะเสี่ยง และต้องสนใจเทคโนโลยีให้มากๆ เพราะในอนาคตเทคโนโลยีจะพัฒนาไปอีกไกล ความผิดพลาดของการดำเนินธุรกิจ และวิธีแก้ปัญหาของคุณจิณณ์ คือ  การที่เราเป็นผู้ประกอบการและดำเนินธุรกิจด้วยตัวเอง  สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดก็คือการที่เราตัดสินใจผิดในทุกๆเรื่อง  และเรื่องที่ตัดสินใจผิด จะเป็นบทเรียนว่าเราควรเลือกที่จะทำสิ่งนี้หรือไม่ทำสิ่งนี้  เลือกที่จะพูดกับลูกค้าอีกแบบหนึ่ง หรือไม่พูดกับลูกค้าอีกแบบหนึ่ง   ซึ่งการตัดสินใจผิดที่ผ่านมาจะเป็นบทเรียนที่จะตัดสินใจในครั้งต่อไป  เราต้องเข้าใจตลาดเพราะว่าเราทำธุรกิจเพื่อที่จะสร้างรายได้  คนที่ให้รายได้กับเราก็คือตลาดที่เราจะให้ Service หรือ Product   ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้งและคิดไปเอง เราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้เพราะเราได้ลงทุน ลงแรง ลงเวลาไปหมดแล้ว


สุดท้ายคุณจิณณ์ได้กล่าวว่า

เพื่อนถามเราว่าอยากทำธุรกิจอะไรดี?  เราก็เลยถามเขากลับไปว่า แล้วคุณชอบอะไรล่ะ คุณชอบอะไรก็ทำอย่างนั้นก่อน เช่น ถ้าชอบและอยากมีร้านอาหารไทย อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้เพราะอะไร  แต่ควรคิดว่ามันจะเกิดได้ด้วยวิธีไหน และนำไปประยุกต์อย่างไรมากกว่า



คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ธุรกิจยุคนี้ที่ได้นำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเรื่องสินค้า คือ สินค้าต้องมีคุณภาพที่ดีที่สุด และการเริ่มต้นคือค้นหาความต้องการของตัวเองให้เจอ ว่าถนัดและเชี่ยวชาญอะไร เชี่ยวชาญในภาคธุรกิจไหน อยากให้มองดูว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วเอาความชอบตรงนั้นมาต่อยอดให้เป็นธุรกิจได้


การที่เริ่มลงทุนทำธุรกิจหรือการ Startup จะต้องใช้ตัวผลิตภัณฑ์เข้ามาช่วย เพราะถ้าผลิตภัณฑ์ ของเรามีจุดเด่นกว่าคนอื่น เราก็สามารถต่อยอดในเชิงผลิตภัณฑ์ และสามารถสร้างมาตรฐานในการต่อรองกับลูกค้าได้  สิ่งสำคัญคือ เราต้องเปิดโอกาสให้กับตัวเราก่อน  จากนั้นเราต้องนำเสนองานของเราให้คนอื่นได้รู้จักกับงานของเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


สำหรับอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกิจ จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมในการทำธุรกิจ เห็นถึงความยากง่ายที่เกิดขึ้น  ซึ่งความยากง่ายของการทำธุรกิจ คือ


  1. เรื่องของคน  การที่คนเข้ามาทำงานแล้วก็ออกไปเป็นเรื่องปกติ เพราะถ้าธุรกิจเราเป็นบริษัทเล็กๆ คนที่มาอยู่กับเราจริงๆ เขาไม่ได้เป็นลูกจ้างเราแต่เป็นเหมือนหุ้นส่วนที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจกันไป   

  2. เรื่องการสื่อสาร บางครั้งที่เราพูดออกไปโดยไม่นึกถึงคนฟัง  ไม่นึกถึงใจคนอื่น  อาจจะมีผลต่อความรู้สึกจนทำให้บางคนเก็บไปคิดมาก เรื่องการสื่อสารจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นแนวทางในแก้ไขอุปสรรคเรื่องคนและการสื่อสาร คือ เมื่อคนในองค์กรมีปัญหาหรือเกิดความไม่เข้าใจกัน จะต้องให้พูดคุยกันตรงๆ อย่าเก็บเอาไว้จนสะสมและระเบิดออกมา เพราะจะทำให้เกิดผลเสียกับการทำงานเป็นอย่างมาก

ในส่วนของการแข่งขัน  เนื่องจากยุคนี้การลอกเลียนแบบสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และผู้อื่นสามารถลอกเลียนแบบงานเราได้หมดทุกอย่าง  การแข่งขันจึงจะสูงขึ้นกว่ายุคที่ผ่านมา ทำให้เราต้องมีการวางแผนที่ดีเพื่อให้ธุรกิจเราอยู่ได้นาน ๆ เราต้องคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ในอนาคตเราจะมีการดำเนินงานและจะทำอย่างไรให้ธุรกิจของเราก้าวหน้าได้กว่าของคนอื่น  และเราจะต้องมองให้ออกว่า เราจะเติบโตไปในทิศทางไหน  เพราะการทำธุรกิจนั้นเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่มีคนทำตามเรา แต่เราจะก้าวไปข้างหน้าให้เร็วกว่าคนอื่นได้อย่างไร


สุดท้ายคุณอรณุชได้กล่าวว่า

อากาศ เป็น โอกาส อยากให้ฝึกความเป็นคนช่างสังเกตุ  คำว่า โอกาสมันจะไม่มา  ถ้าเราไม่ช่างสังเกตุ และกล้าที่จะหลุดนอกกรอบ บางทีการได้ไปดูงานที่แหวกแนวในทางธุรกิจ จะทำให้สมองเราสดชื่น  และเกิดไอเดียมาต่อยอดกับธุรกิจตัวเองได้ และเกิดเป็นธุรกิจใหม่ๆ ได้เสมอ



ดาวน์โหลดเอกสาร (pdf ขนาด 823.88 KB)