Fast Forward Digital Trends: The Kaidee.com Experience

โดย คุณทิวา ยอร์ค เฮดโค้ชแห่ง“ขายดี” (Kaidee)

คุณทิวาคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงธุรกิจดิจิตอลมากว่า 19 ปี ก่อนที่จะเข้ามาสร้างทีม Kaidee ในการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อ-ขายของมือสอง ออนไลน์ที่ดีที่สุดของไทย

ก่อนหน้านี้คุณทิวาดำรงตำแหน่ง Platforms Director ที่ Omnicom Media Group โดยรับผิดชอบในการสร้างทีมดิจิตอลของ เอเจนซี่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หันมาสนใจการใช้สื่อดิจิตอลมากขึ้น และก่อนที่จะมาร่วมงานกับ Omnicom เขาเป็นกำลังสำคัญที่สร้าง DMS Group of companies กลุ่มบริษัทดิจิตอลเอเจนซี่ชื่อดังของเมืองไทย ทั้งเป็นกรรมการผู้จัดการที่ Admax Network รองประธานฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจของ DMS Group และกรรมการผู้จัดการของ New Media ตั้งแต่ปี 2547 - 2553

คุณทิวาเริ่มต้นอาชีพของเขาด้วยการเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ (Product Manager) ที่ Medicalogic/Medscape ซึ่งตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ GE Media Systems และ WebMD

คุณทิวา ยอร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ขายดี ได้มาบอกเล่าประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่ง คุณทิวา ยอร์ค เป็นลูกครึ่ง เกิดและเติบโตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำงานเกี่ยวกับธุรกิจ Digital เป็นเวลาประมาณ 20 ปี ทำงานร่วมกับทีมงาน Startup และในปี 2000 อินเตอร์เน็ตเริ่ม Bug คือพังลง คุณทิวา ยอร์ค จึงตั้งใจว่าจะเริ่มออกเดินทางเที่ยวรอบโลก 16 ประเทศ ภายใน10 เดือน ประเทศแรกที่เลือกคือ ประเทศไทย และตั้งแต่นั้นมาก็อยู่เมืองไทย เพราะตกหลุมรักเมืองไทย จากนั้นคุณทิวา ยอร์ค เริ่มทำ Digital ในประเทศไทยเป็นเวลา 12 ปี และได้เริ่มทำ Start up คือเริ่มทำ Kaidee เพราะดูว่าธุรกิจ Digital เริ่มมาแรง โดยเริ่มต้นธุรกิจโดยการสังเกตุธุรกิจในสมัยนั้นมี shopping หลายทาง เช่น Sanook และเริ่มมองดูว่าโอกาสอะไรบ้าง ที่จะเริ่ม Start up

คุณทิวา ยอร์ค ตั้งบริษัทแรก คือบริษัท Dealfish ซึ่งมาจากการเล็งเห็นโอกาส ของช่องทางที่ให้คนได้ซื้อสินค้ามือ 2 จากตลาด โดยธุรกิจเริ่มเติบโตไปได้ดี แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวทางธุรกิจ จึงเปลี่ยนชื่อจาก Dealfish เป็น OLX และเปลี่ยนมาเป็น Kaidee ในปัจจุบัน ด้วยความเชื่อว่าการซื้อขายสินค้ามือ 2 ทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้นโดยสังเกตจากพฤติกรรมของคนไทย ที่ชอบเก็บของ เพราะเสียดายของ ไม่รู้จะขายให้ใคร ถ้าเป็นต่างประเทศจะมีช่วงที่ลดราคา จะเอาของมากองหน้าบ้าน และขายของที่ไม่ได้ใช้ แต่คนไทยไม่มีทางนำของมากองหน้าบ้านและขายแน่นอน คุณทิวา ยอร์ค จึงใช้หลัก Reduse,Reuse,Recycle 3 หลักการนี้ เป็นแนวทางในการเริ่ม Start up คือ การมองปัญหา และจะแก้ปัญหาอย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่จะทำธุรกิจ Start up แตกต่างจากธุรกิจ SME คือ ธุรกิจ Start up เป็นธุรกิจที่เราจะมองจากปัญหา และแก้ไขมัน แต่ธุรกิจ SME คือเราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เช่น ร้านกาแฟ แล้วเราก็ทำ ซึ่งต่างจากการเป็น Start up เพราะการทำธุรกิจ Startup คือเราต้องแก้ไขปัญหาด้วย

มีคนทั่วไปชอบเกิดข้อสงสัย ว่าทำไมถึงกล้าลงทุนทำโฆษณาเยอะแยะมากมาย คุณทิวา ยอร์ค มองว่าเราต้องมีความใจกล้าที่จะทำ กล้าที่จะลงทุน เพราะต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยเปรียบเทียบจาก Google , Facebook กว่าจะได้เงินสลึงแรก ก็ใช้เวลา 5-6 ปี เพราะพวกเขาต้องการ Start up ต้องการแก้ปัญหา และคุณทิวา ยอร์ค มองว่าประเทศไทย มีคนที่มีความคิดที่หลากหลาย จึงกล้าที่จะลงมือทำ และพร้อมที่จะแก้ปัญหา เพื่อเริ่มทำธุรกิจ Startup นอกจากนี้สิ่งสำคัญในการเริ่มต้น ธุรกิจ Startup ไม่ใช่แค่เรื่องการลงทุน แต่ต้องมีทีมงานที่มีประสิทธิภาพ และทีมงานที่ดี ด้วย

การเริ่ม Startup ที่ประสบความสำเร็จ จะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยน นอกจากใจกล้าแล้ว ต้องเปลี่ยน และพลิกธุรกิจตามที่ลูกค้าต้องการด้วย อย่าง Kaidee ช่วงแรกอาจไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้า เพราะเกิดจากการไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า แต่ในปัจจุบัน ได้เปลี่ยนเป็นเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้า ธุรกิจถึงจะดำเนินต่อได้ เพราะเอาความต้องการจากลูกค้ามาปรับปรุงให้เหมาะสม เพราะฉะนั้นการ Startup จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทีมงานที่จะปรับเปลี่ยน และรับฟังความคิดเห็นตามความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่ทำแค่ดำเนินธุรกิจตามความคิดของตัวเองเท่านั้น

ความแตกต่าง Kaidee กับ คู่แข่งอื่นนั้น Kaidee ให้ความสำคัญกับการออกแบบงานให้เข้าใจง่าย ไม่เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ให้ความสำคัญกับลูกค้า ความพอใจของลูกค้าเป็นหลัก เพราะ Kaidee เป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถขายได้หมดทุกอย่าง ผู้ซื้อมีจำนวนมาก ผู้ขายก็จะมีจำนวนมาก เช่นเดียว กับ Line ถ้าไม่มีผู้ใช้ ต่อไปก็ต้องเลิกใช้ แต่ถ้าผู้ใช้ยังอยู่ Line ก็จะยังคงอยู่ เปรียบเสมือนกับ Kaidee ถ้ามีผู้ซื้อ ผู้ขายก็จะมา ดังนั้น Kaidee จึงให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุด

เมื่อกล่าวถึง Technopreneur นั้น เกิดขึ้นเพราะเราใช้เทคโนโลยีมากขึ้น จากตัวอย่างการใช้ Selfie ที่เมื่อก่อนไม่มีคนรู้จัก แต่ทุกวันนี้ทุกคนมีสมาร์ทโฟนกันหมดแล้ว และใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือกัน และนี่คือสิ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตของทุกคน ขนาดคุณลุงที่ขายของตามตลาดในสมัยนี้ก็ใช้สมาร์ทโฟน Line, Facebook, Google ต้องยอมรับว่าทุกคนใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งตอบโจทย์ว่า เทคโนโลยีมีบทบาทกับชีวิตเรามาก ซึ่งในปัจจุบันนี้ 40 ล้าน เป็นยอดของผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งเมืองไทยของเราเป็นอันดับ 2 ที่เล่นชั่วโมงเน็ตนานเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น

สุดท้าย คุณทิวา ยอร์ค ได้กล่าวว่า การทำ Startup ขอให้ใจกล้า และเริ่มทำ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทุน ให้คำนึงถึงการแก้ปัญหาให้ลูกค้ามากกว่า ซึ่งต้องมีความชัดเจน หรือถ้าอยากทำธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจ SME ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน เพราะเป็นนายตัวเอง แต่ถ้าการเป็น Startup ต่อไปก็สามารถขยายธุรกิจให้ผู้อื่นได้ ซึ่งการทำ Start up ไม่ใช่ทุกคนสามารถทำได้ ต้องมีความใจกล้าและความอดทนกับการเริ่มทำธุรกิจด้วย