OKMD ตอกย้ำพันธกิจ รุกสร้างมาตรฐานสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
“ในยุคนี้ หากเราไม่เรียนรู้เปรียบเหมือนกับการก้าวถอยหลัง” คำนี้สะท้อนชัดเจนว่า ประเทศไทยต้องสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นความอยากรู้ของประชาชน พร้อมพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้สาธารณะ และพัฒนาระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ (Knowledge Ecosystem) ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นพันธกิจหลักของสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD), TK Park และ Museum Siam ที่จะร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจ การบูรณาการจัดการการเรียนรู้ และการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงความรู้ นำไปสร้างโอกาส ต่อยอด เพิ่มพูนทักษะ และเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชาติ และสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตในยุคดิจิทัล
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญที่จะเร่งผลักดันนโยบายเพื่อกระตุ้นให้คนไทยอยากเรียนรู้มากขึ้น ผ่านปาฐกาพิเศษ “การเรียนรู้รูปแบบใหม่ สู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตในยุคดิจิทัล” เพื่อสื่อให้เห็นถึงทิศทางต่อไปของการเรียนรู้ในประเทศภายใต้การขับเคลื่อนของ OKMD ว่า “จะยังคงยึดแนวทางและการจัดการระบบนิเวศการเรียนรู้ตามอุปสงค์อุปทาน เพื่อสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการแสวงหาความรู้อย่างไม่มีขีดจำกัดของเยาวชนและประชาชน โดยเราจะทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Creation) ความสามารถในการถ่ายทอดกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ด้วยนวัตกรรมรูปแบบใหม่ (Transfer) ตลอดจนส่งเสริมการนำไปใช้ประโยชน์ ขยายและต่อยอดองค์ความรู้ ต้องกระตุ้นความอยากรู้ให้ทุกคนตระหนักรู้ว่า เมื่อเรารู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว เราจะเห็นโอกาสอะไร และสร้างประโยชน์อะไรจากโอกาสนั้นๆ ได้บ้าง”
นอกจากนี้ OKMD ยังดำเนินงานในการรวบรวมแหล่งเรียนรู้ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้ ผ่านงานที่ชื่อ OKMD Guide ซึ่งเป็นแผนที่นำทางการเรียนรู้ในแต่ละพื้นที่ เป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้ประชาชนทั่วไปที่ต้องการที่จะเรียนรู้สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ในด้านต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น ในย่านซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน เราจะค้นพบว่า มีศูนย์การเรียนรู้ซ่อนตัวอยู่มากมาย อย่าง พิพิธภัณฑ์แผ่นเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ ที่มีคอลเล็กชั่นของแผ่นเสียงเก่าๆ ที่หายากของประเทศอยู่จำนวนมาก หรือแม้แต่เรื่องความรู้ต่างๆ ในย่าน เช่น ขนมอร่อยๆ ที่มาจากครัวของคุณป้าที่ทำขนมอร่อยๆ ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ ก็สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้เรื่องการทำขนม เพื่อให้คนที่สนใจ อยากได้รับประสบการณ์ หรือเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเข้าถึงความรู้ในแบบของ OKMD Guide จะเริ่มต้นจากการจัดเป็นกิจกรรม หรือ Event ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่แพลตฟอร์ม หรือรูปแบบอื่นๆ ต่อไป
ในช่วงนี้ OKMD ยังมีงานที่ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร ได้แก่ งาน Library Alive โดยรูปแบบจะเป็นการนำความรู้จากแหล่งความรู้เฉพาะทางในสังกัดกรุงเทพมหานครมาถ่ายทอดให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ เช่น ห้องสมุดปรีดี พนมยงค์ เป็นห้องสมุดที่มีการจัดทำและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองการปกครองได้อย่างน่าสนใจ หรือห้องสมุดเขตดุสิต ที่มีความเกี่ยวข้องการพัฒนาเมือง มีประวัติศาสตร์ความเป็นชุมชนเมืองในช่วงแรกๆ ของเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ และการขยายตัวของเมืองและชุมชนต่างๆ เป็นต้น
สำหรับการเชื่อมโยงการทำงานด้านการเรียนรู้ของ OKMD, TK Park และ Museum Siam นั้น ดร.ทวารัฐ กล่าวว่า แน่นอนว่า เรายังคงให้ความสำคัญกับการบริหารและจัดการความรู้ โดยเน้นเรื่องราวที่คนไทยควรรู้ (Thematic Focus) ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Financial Literacy, Health Literacy, Digital Literacy และ Sustainable Literacy โดยไม่ทิ้งความสำคัญเรื่องศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทยที่ยังคงเป็น DNA ขององค์กรด้านการเรียนรู้
เมื่อโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การสร้างกระบวนการเรียนรู้และเครื่องมือต้องเท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยเช่นกัน ซึ่งสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความรู้ มีแหล่งเรียนรู้มากมาย และมีผู้รู้อยู่เยอะ แต่ยังขาดผู้ที่จะมาร้อยเรียง ทำให้เห็นว่าพื้นที่นี้ หรือเรื่องๆ นี้มีที่ไหนบ้างที่ให้ความรู้เรื่องนั้น
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญที่จะเร่งผลักดันนโยบายเพื่อกระตุ้นให้คนไทยอยากเรียนรู้มากขึ้น ผ่านปาฐกาพิเศษ “การเรียนรู้รูปแบบใหม่ สู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตในยุคดิจิทัล” เพื่อสื่อให้เห็นถึงทิศทางต่อไปของการเรียนรู้ในประเทศภายใต้การขับเคลื่อนของ OKMD ว่า “จะยังคงยึดแนวทางและการจัดการระบบนิเวศการเรียนรู้ตามอุปสงค์อุปทาน เพื่อสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่แข็งแกร่ง ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการแสวงหาความรู้อย่างไม่มีขีดจำกัดของเยาวชนและประชาชน โดยเราจะทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Creation) ความสามารถในการถ่ายทอดกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ด้วยนวัตกรรมรูปแบบใหม่ (Transfer) ตลอดจนส่งเสริมการนำไปใช้ประโยชน์ ขยายและต่อยอดองค์ความรู้ ต้องกระตุ้นความอยากรู้ให้ทุกคนตระหนักรู้ว่า เมื่อเรารู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว เราจะเห็นโอกาสอะไร และสร้างประโยชน์อะไรจากโอกาสนั้นๆ ได้บ้าง”
นอกจากนี้ OKMD ยังดำเนินงานในการรวบรวมแหล่งเรียนรู้ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้ ผ่านงานที่ชื่อ OKMD Guide ซึ่งเป็นแผนที่นำทางการเรียนรู้ในแต่ละพื้นที่ เป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้ประชาชนทั่วไปที่ต้องการที่จะเรียนรู้สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ในด้านต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น ในย่านซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน เราจะค้นพบว่า มีศูนย์การเรียนรู้ซ่อนตัวอยู่มากมาย อย่าง พิพิธภัณฑ์แผ่นเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ ที่มีคอลเล็กชั่นของแผ่นเสียงเก่าๆ ที่หายากของประเทศอยู่จำนวนมาก หรือแม้แต่เรื่องความรู้ต่างๆ ในย่าน เช่น ขนมอร่อยๆ ที่มาจากครัวของคุณป้าที่ทำขนมอร่อยๆ ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ ก็สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้เรื่องการทำขนม เพื่อให้คนที่สนใจ อยากได้รับประสบการณ์ หรือเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเข้าถึงความรู้ในแบบของ OKMD Guide จะเริ่มต้นจากการจัดเป็นกิจกรรม หรือ Event ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่แพลตฟอร์ม หรือรูปแบบอื่นๆ ต่อไป
ในช่วงนี้ OKMD ยังมีงานที่ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร ได้แก่ งาน Library Alive โดยรูปแบบจะเป็นการนำความรู้จากแหล่งความรู้เฉพาะทางในสังกัดกรุงเทพมหานครมาถ่ายทอดให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ เช่น ห้องสมุดปรีดี พนมยงค์ เป็นห้องสมุดที่มีการจัดทำและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองการปกครองได้อย่างน่าสนใจ หรือห้องสมุดเขตดุสิต ที่มีความเกี่ยวข้องการพัฒนาเมือง มีประวัติศาสตร์ความเป็นชุมชนเมืองในช่วงแรกๆ ของเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ และการขยายตัวของเมืองและชุมชนต่างๆ เป็นต้น
สำหรับการเชื่อมโยงการทำงานด้านการเรียนรู้ของ OKMD, TK Park และ Museum Siam นั้น ดร.ทวารัฐ กล่าวว่า แน่นอนว่า เรายังคงให้ความสำคัญกับการบริหารและจัดการความรู้ โดยเน้นเรื่องราวที่คนไทยควรรู้ (Thematic Focus) ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Financial Literacy, Health Literacy, Digital Literacy และ Sustainable Literacy โดยไม่ทิ้งความสำคัญเรื่องศิลปวัฒนธรรม ความเป็นไทยที่ยังคงเป็น DNA ขององค์กรด้านการเรียนรู้
เมื่อโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การสร้างกระบวนการเรียนรู้และเครื่องมือต้องเท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยเช่นกัน ซึ่งสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความรู้ มีแหล่งเรียนรู้มากมาย และมีผู้รู้อยู่เยอะ แต่ยังขาดผู้ที่จะมาร้อยเรียง ทำให้เห็นว่าพื้นที่นี้ หรือเรื่องๆ นี้มีที่ไหนบ้างที่ให้ความรู้เรื่องนั้น