มาตรการส่งเสริมการอ่านและสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือ

นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ประธานกรรมการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD หน่วยงานภายใต้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งภายหลังการประชุมคณะกรรมการ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ ครั้งที่ 5/2563 ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ว่าที่ประชุมมีนโยบายที่จะส่งเสริมการอ่านและสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือ จึงมีมติให้สำนักงานฯ ประสานกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณานำเสนอมาตรการหักลดหย่อนภาษีรายจ่ายซื้อหนังสือ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะเป็นมาตรการระยะ 3 ปี (2563-2565) เพื่อให้ประชาชนสามารถนำรายจ่ายในการซื้อหนังสือมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อปี
อุตสาหกรรมหนังสือ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของประชาชน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้ และส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หลายประเทศทั่วโลก ก็ล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องการอ่านของประชาชน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการอ่านของประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้การเกิดขึ้นของสื่อออนไลน์จะเป็นทางเลือกใหม่ในการเรียนรู้ของประชาชน แต่หนังสือก็ยังคงมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของคนไทย โดยเฉพาะในวัยเด็ก ที่การเรียนรู้จากหนังสือทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับการเรียน เกิดความซาบซึ้ง เกิดจินตนาการ และจดจำได้ดีกว่า รวมถึงมีผลกระทบต่อสายตาน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ความนิยมในการเรียนรู้ผ่านหนังสือในประเทศไทยกลับลดลงเรื่อยๆ และส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมหนังสือ ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างเช่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ต้องมีการเลื่อนหรือไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ เป็นต้น จึงนำมาสู่การหารือร่วมกัน ระหว่างสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้กับสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือ
จากข้อมูลของสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) อุตสาหกรรมหนังสือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท และมีการจ้างงานกว่า 200,000 อัตรา ในปี 2562 แต่ด้วยสถานการณ์การแข่งขันจากสื่อออนไลน์และสถานการณ์ COVID-19 ทำให้คาดว่าในปี 2563 ยอดขายของอุตสาหกรรมหนังสือจะลดลงเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท หากไม่มีมาตรการในการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยจากผลการศึกษาดังกล่าว สำนักงานฯ คาดว่าการดำเนินมาตรการหักลดหย่อนภาษีรายจ่ายซื้อหนังสือจะช่วยผลักดันให้ยอดจำหน่ายหนังสือในปี 2563 เพิ่มขึ้นได้ประมาณร้อยละ 10 – 20 และสนับสนุนให้อุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถประคองตัวอยู่ได้ภายใต้สภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างเช่นทุกวันนี้
อุตสาหกรรมหนังสือ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของประชาชน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้ และส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หลายประเทศทั่วโลก ก็ล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องการอ่านของประชาชน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการอ่านของประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้การเกิดขึ้นของสื่อออนไลน์จะเป็นทางเลือกใหม่ในการเรียนรู้ของประชาชน แต่หนังสือก็ยังคงมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของคนไทย โดยเฉพาะในวัยเด็ก ที่การเรียนรู้จากหนังสือทำให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับการเรียน เกิดความซาบซึ้ง เกิดจินตนาการ และจดจำได้ดีกว่า รวมถึงมีผลกระทบต่อสายตาน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ความนิยมในการเรียนรู้ผ่านหนังสือในประเทศไทยกลับลดลงเรื่อยๆ และส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมหนังสือ ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างเช่น งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ต้องมีการเลื่อนหรือไม่สามารถจัดกิจกรรมได้ เป็นต้น จึงนำมาสู่การหารือร่วมกัน ระหว่างสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้กับสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือ
จากข้อมูลของสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) อุตสาหกรรมหนังสือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทยกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท และมีการจ้างงานกว่า 200,000 อัตรา ในปี 2562 แต่ด้วยสถานการณ์การแข่งขันจากสื่อออนไลน์และสถานการณ์ COVID-19 ทำให้คาดว่าในปี 2563 ยอดขายของอุตสาหกรรมหนังสือจะลดลงเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท หากไม่มีมาตรการในการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยจากผลการศึกษาดังกล่าว สำนักงานฯ คาดว่าการดำเนินมาตรการหักลดหย่อนภาษีรายจ่ายซื้อหนังสือจะช่วยผลักดันให้ยอดจำหน่ายหนังสือในปี 2563 เพิ่มขึ้นได้ประมาณร้อยละ 10 – 20 และสนับสนุนให้อุตสาหกรรมดังกล่าวสามารถประคองตัวอยู่ได้ภายใต้สภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างเช่นทุกวันนี้